๘
สิ่งอันน่ารังเกียจในพระตำหนัก
๑ ในวันที่ห้าของเดือนหก ปีที่หก* วันที่ 17 กันยายน 592 ปีก่อน ค.ศ. ขณะที่ข้าพเจ้านั่งอยู่ในบ้านของข้าพเจ้า และบรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ของยูดาห์ก็นั่งอยู่ตรงหน้า และมือของพระผู้เป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สถิตกับข้าพเจ้าที่นั่น ๒ ข้าพเจ้ามองดู และเห็นสิ่งหนึ่งซึ่งมีลักษณะเหมือนเปลวไฟ† สำเนาภาษากรีกใช้คำว่า คน ดูเหมือนว่าตั้งแต่บั้นเอวลงมา ผู้นั้นปรากฏเหมือนเปลวไฟ และจากบั้นเอวขึ้นไปมีประกายจ้าเหมือนโลหะวาววับ ๓ ผู้นั้นยื่นสิ่งหนึ่งซึ่งเหมือนมือออกมาจับผมบนศีรษะของข้าพเจ้า พระวิญญาณยกตัวข้าพเจ้าขึ้น ระหว่างแผ่นดินโลกและฟ้าสวรรค์ และภาพนิมิตที่พระเจ้าโปรดให้เห็นคือ พระวิญญาณพาข้าพเจ้าไปยังเยรูซาเล็ม ให้เข้าประตูไปข้างในที่อยู่ด้านทิศเหนือ ซึ่งมีรูปเคารพที่กระตุ้นให้เกิดความหวงแหนยืนอยู่ ๔ และดูเถิด พระบารมีของพระเจ้าของอิสราเอลปรากฏอยู่ที่นั่น เหมือนในภาพนิมิตที่ข้าพเจ้าเคยเห็นที่หุบเขา
๕ พระองค์กล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงมองไปทางทิศเหนือ” ข้าพเจ้าก็มอง และที่ทางเข้าทางทิศเหนือของประตูแท่นบูชา ข้าพเจ้าเห็นรูปเคารพที่ก่อให้เกิดความหวงแหน ๖ พระองค์กล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย เจ้าเห็นไหมว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่ สิ่งทั้งหลายอันน่ารังเกียจที่สุดที่พงศ์พันธุ์อิสราเอลกำลังทำอยู่ที่นี่ สิ่งที่จะขับให้เราออกไปไกลจากที่พำนักของเรา แต่เจ้าจะเห็นสิ่งต่างๆ ที่น่ารังเกียจมากยิ่งกว่าเสียอีก”
๗ และพระองค์พาข้าพเจ้าไปยังทางเข้าลานพระตำหนัก ดูเถิด เมื่อข้าพเจ้ามองดู ก็เห็นว่ามีช่องโหว่ในกำแพง ๘ พระองค์กล่าวกับข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงทะลวงกำแพง” ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงทะลวงกำแพง ดูเถิด มีทางเข้า ๙ และพระองค์กล่าวกับข้าพเจ้าว่า “จงเข้าไป และดูสิ่งชั่วร้ายและน่าชังที่พวกเขาปฏิบัติที่นี่” ๑๐ ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงเข้าไปดู และข้าพเจ้าเห็นรูปที่รอบกำแพงเป็นสัตว์เลื้อยคลานทุกชนิดและสัตว์ป่าที่น่ารังเกียจ และรูปเคารพทั้งสิ้นของพงศ์พันธุ์อิสราเอล ๑๑ และมีบรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ของพงศ์พันธุ์อิสราเอล 70 คนยืนอยู่ข้างหน้ารูปเหล่านั้น ยาอาซันยาห์บุตรชาฟานก็ยืนอยู่กับพวกเขาด้วย และแต่ละคนถือกระถางเครื่องหอมของตน กลุ่มควันเครื่องหอมลอยขึ้น ๑๒ และพระองค์กล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ “บุตรมนุษย์เอ๋ย เจ้าเห็นแล้วใช่ไหมว่า บรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ของอิสราเอลกำลังทำอะไรในที่มืด แต่ละคนอยู่ในห้องบูชารูปเคารพ พวกเขาพูดว่า ‘พระผู้เป็นเจ้ามองไม่เห็นพวกเรา พระผู้เป็นเจ้าได้ทอดทิ้งแผ่นดินนี้แล้ว’ ” ๑๓ พระองค์กล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ด้วยว่า “เจ้ายังจะได้เห็นสิ่งต่างๆ อันน่ารังเกียจเสียยิ่งกว่าสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่”
๑๔ ต่อจากนั้นพระองค์พาข้าพเจ้าไปยังทางเข้าประตูด้านเหนือของพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า ดูเถิด ที่นั่นมีบรรดาผู้หญิงนั่งร้องรำพันถึงเทพเจ้าทัมมุส ๑๕ และพระองค์กล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ “เจ้าเห็นแล้วหรือยัง โอ บุตรมนุษย์เอ๋ย เจ้ายังจะได้เห็นสิ่งต่างๆ อันน่ารังเกียจเสียยิ่งกว่าสิ่งเหล่านี้”
๑๖ และพระองค์พาข้าพเจ้าเข้าไปในลานพระตำหนักของพระผู้เป็นเจ้า ที่นั่นเป็นทางเข้าพระตำหนักชั้นนอก ซึ่งอยู่ระหว่างมุขและแท่นบูชา มีผู้ชายประมาณ 25 คนยืนหันหลังให้พระวิหารของพระผู้เป็นเจ้า พวกเขาหันหน้าไปทางทิศตะวันออก และกำลังก้มคารวะดวงอาทิตย์ทางทิศตะวันออก ๑๗ พระองค์กล่าวกับข้าพเจ้าดังนี้ “บุตรมนุษย์เอ๋ย เจ้าเห็นแล้วยัง นี่เป็นเรื่องเล็กน้อยหรือที่พงศ์พันธุ์ยูดาห์ปฏิบัติอย่างน่ารังเกียจเช่นนี้ที่นี่ พวกเขาถึงต้องแสดงความป่าเถื่อนไปทั่วแผ่นดิน และยั่วโทสะเราซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างนั้นหรือ ดูพวกเขาสิ ใช้กิ่งไม้เจาะจมูก ๑๘ ฉะนั้น เราจะกระทำต่อพวกเขาด้วยความกริ้ว เราจะไม่มองดูพวกเขาด้วยความเมตตา หรือไว้ชีวิตพวกเขา และแม้ว่าพวกเขาจะร้องตะโกนใส่หูเรา เราก็จะไม่ฟังพวกเขา”