๒๑
หญิงม่ายผู้ยากไร้ถวายเงิน
๑ ขณะที่พระองค์เงยหน้าขึ้นก็เห็นพวกคนมั่งมีกำลังถวายเงินในตู้ถวาย ๒ พระองค์เห็นหญิงม่ายผู้ยากไร้คนหนึ่งถวายเหรียญทองแดง 2 เหรียญด้วย ๓ พระองค์กล่าวว่า “เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า หญิงม่ายผู้ยากไร้คนนี้ถวายเงินมากกว่าคนทั้งปวงเสียอีก ๔ เพราะเขาทุกคนได้ให้จากเงินเหลือใช้ของเขา แต่ถึงแม้ว่านางจะขัดสน นางก็ยังถวายทุกสตางค์ที่เก็บไว้สำหรับเลี้ยงตนเอง”
ใครจะหยั่งรู้อนาคต
๕ ขณะที่สาวกบางคนกำลังกล่าวชื่นชมพระวิหารที่ตกแต่งด้วยหินและวัตถุที่คนถวายแด่พระเจ้าอย่างสวยงาม พระเยซูก็กล่าวว่า ๖ “สิ่งซึ่งเจ้าเห็นกันอยู่นี้ สักวันหนึ่งจะถึงเวลาที่ไม่มีหินก้อนใดซึ่งวางทับซ้อนกันอยู่ที่นี่จะรอดจากการทำลายไปได้”* ประมาณ 35 ปี (ค.ศ. 70 หรือ พ.ศ. 613) นับจากเวลาที่พระเยซูได้พยากรณ์สิ่งเหล่านี้แล้ว เยรูซาเล็มรวมทั้งพระวิหารก็ถูกทำลายโดยกองทัพทหารโรมัน ๗ เขาทั้งหลายถามว่า “อาจารย์ เมื่อไหร่สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้น และปรากฏการณ์สำคัญอันใดที่จะบ่งบอกให้รู้ว่า สิ่งเหล่านี้ใกล้จะเกิดขึ้น” ๘ พระองค์ตอบว่า “จงระวัง อย่าให้ผู้ใดชักจูงเจ้าไปในทางที่ผิด เพราะว่าจะมีคนจำนวนมากมากล่าวอ้างนามของเราโดยว่า ‘เราเป็นผู้นั้น’ และ ‘ใกล้เวลานั้นแล้ว’ ก็อย่าตามพวกเขาไป ๙ เมื่อเจ้าได้ยินถึงการสงครามต่างๆ และการปฏิวัติ ก็อย่าตกใจกลัว สิ่งเหล่านี้ต้องเกิดขึ้นก่อน แต่การสิ้นสุดจะยังไม่เกิดขึ้นในทันที”
๑๐ แล้วพระองค์กล่าวกับคนเหล่านั้นว่า “ประเทศชาติต่างๆ จะต่อสู้กัน และอาณาจักรต่างๆ จะต่อสู้กัน ๑๑ จะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่มากมาย มีความอดอยาก โรคระบาดในที่ต่างๆ เหตุการณ์ที่น่าสะพรึงกลัว และปรากฏการณ์อัศจรรย์ยิ่งใหญ่ต่างๆ จากสวรรค์ ๑๒ แต่ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์เหล่านี้ พวกเขาจะจับกุมและข่มเหงเจ้า มอบตัวเจ้าไปยังศาลาที่ประชุมและที่คุมขัง เจ้าจะถูกนำไปยืนต่อหน้าบรรดากษัตริย์และผู้ว่าราชการ เหตุเพราะชื่อของเรา ๑๓ ผลที่เกิดขึ้นคือ เจ้าจะเป็นพยานแก่พวกเขา ๑๔ แต่จงตัดสินใจที่จะไม่กังวลล่วงหน้าว่าจะแก้คดีอย่างไร ๑๕ เพราะว่าเราจะมอบคำพูดและปัญญาซึ่งไม่มีศัตรูคนใดต่อต้านหรือโต้แย้งได้ ๑๖ แม้แต่พ่อแม่ ญาติพี่น้อง และสหายจะส่งตัวเจ้าไป พวกเขาจะทำให้พวกเจ้าบางคนถึงแก่ชีวิตได้ ๑๗ คนทั้งปวงจะเกลียดชังเจ้า เหตุเพราะชื่อของเรา ๑๘ แต่ว่าจะไม่มีใครแตะต้องผมของเจ้าได้แม้เพียงเส้นเดียว ๑๙ จงยืนหยัดและเจ้าจะได้ชีวิต
๒๐ เมื่อเจ้าเห็นว่าเมืองเยรูซาเล็มถูกล้อมด้วยกองทหาร จงรู้ว่าความหายนะใกล้เข้ามาแล้ว ๒๑ เวลานั้นจงปล่อยให้ผู้คนในแคว้นยูเดียหนีไปยังแถบภูเขา ปล่อยพวกที่อยู่ในตัวเมืองให้ออกไป และอย่าให้พวกที่อยู่ในชนบทเข้าไปในตัวเมือง ๒๒ เพราะว่านี่เป็นเวลาลงโทษ เพื่อจะได้ให้สิ่งทั้งปวงบรรลุผลตามที่มีบันทึกไว้ ๒๓ วิบัติจะเกิดแก่หญิงมีครรภ์และมารดาผู้ให้นมลูกในวันนั้น ความทุกข์ใหญ่หลวงจะบังเกิดบนแผ่นดิน และการลงโทษจะมีต่อคนเหล่านั้น ๒๔ เขาจะตายด้วยคมดาบ บ้างจะถูกจับไปเป็นเชลยต่อประเทศชาติทั้งปวง เมืองเยรูซาเล็มจะถูกเหยียบย่ำโดยบรรดาคนนอก จนกว่าวาระของพวกคนนอกจะเสร็จสิ้น
๒๕ จะมีปรากฏการณ์อัศจรรย์ที่ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว ชาติต่างๆ บนโลกจะได้รับความทุกข์ร้อน และงงงวยกับเสียงก้องคำรามทะเลและคลื่น ๒๖ ผู้คนจะตกใจจนเป็นลมขณะที่รอดูว่า อะไรจะเกิดขึ้นบนโลก เพราะบรรดาสิ่งที่ทรงพลังในท้องฟ้าจะสั่นสะเทือน ๒๗ ขณะนั้นผู้คนจะเห็นบุตรมนุษย์มาในเมฆด้วยฤทธานุภาพและสง่าราศีอันยิ่งใหญ่ ๒๘ เมื่อสิ่งเหล่านี้เริ่มจะเกิดขึ้นจงยืนยกศีรษะขึ้น เพราะว่าการไถ่ของเจ้ากำลังใกล้เข้ามาแล้ว”
๒๙ พระองค์กล่าวเป็นอุปมาต่อไปอีกว่า “จงดูต้นมะเดื่อและต้นไม้อื่นๆ ทั่วไปเถิด ๓๐ ทันทีที่ต้นแตกใบอ่อน เจ้าจะเห็นด้วยตัวของเจ้าเองและรู้ว่าฤดูฝนใกล้จะถึงแล้ว ๓๑ ในทำนองเดียวกันเมื่อเจ้าเห็นสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ก็จงรู้ว่าอาณาจักรของพระเจ้าใกล้จะถึงแล้ว ๓๒ เราขอบอกความจริงกับเจ้าว่า คนในช่วงกาลเวลานี้จะไม่อาจล่วงลับไป จนกว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นก่อน ๓๓ สวรรค์และโลกจะดับสูญไป แต่คำของเราจะไม่มีวันสูญหายไป
๓๔ จงระวังเถิด มิฉะนั้นใจของพวกเจ้าจะหมกมุ่นอยู่กับการดื่มกินในงานฉลอง จากการเสพติดของมึนเมา และความกังวลกับชีวิตนี้ และวันนั้นก็จะมาถึงเจ้าโดยไม่คาดคิดดั่งบ่วงแร้ว ๓๕ วันนั้นจะมาเยือนทุกชีวิตบนโลก ๓๖ จงระวังอยู่เสมอ จงอธิษฐานเพื่อให้เจ้าได้หนีพ้นจากสิ่งเหล่านี้ที่กำลังจะเกิดขึ้น และเจ้าจะสามารถยืนต่อหน้าบุตรมนุษย์ได้”
๓๗ ในเวลากลางวันพระเยซูสั่งสอนที่พระวิหาร และเวลากลางคืนพระองค์ออกไปอยู่บนเขาที่ชื่อภูเขามะกอก ๓๘ ผู้คนจะมาเฝ้าที่พระวิหารตั้งแต่ยามรุ่งอรุณเพื่อฟังพระองค์
*๒๑:๖ ประมาณ 35 ปี (ค.ศ. 70 หรือ พ.ศ. 613) นับจากเวลาที่พระเยซูได้พยากรณ์สิ่งเหล่านี้แล้ว เยรูซาเล็มรวมทั้งพระวิหารก็ถูกทำลายโดยกองทัพทหารโรมัน