๘
ใช้ชีวิตตามฝ่ายพระวิญญาณ
๑ ฉะนั้น บัดนี้การลงโทษจึงไม่มีแก่ผู้ที่อยู่ในพระเยซูคริสต์แล้ว ๒ ด้วยว่ากฎของพระวิญญาณแห่งชีวิตช่วยให้ท่านมีอิสระจากกฎแห่งบาปและความตาย โดยผ่านพระเยซูคริสต์ ๓ สิ่งใดก็ตามที่กฎบัญญัติกระทำไม่ได้ เพราะฝ่ายเนื้อหนังทำให้กฎบัญญัติอ่อนกำลัง พระเจ้ากระทำได้โดยส่งพระบุตรของพระองค์เองมา มีภาพลักษณ์ของความเป็นมนุษย์ดั่งคนบาปทั่วไป* พระเยซูมีความเป็นเนื้อหนังเหมือนมนุษย์ก็จริง แต่ไม่เคยทำบาป ฉบับ 2 โครินธ์ 5:21 และเป็นเครื่องสักการะชดใช้บาปของเรา พระองค์จึงกล่าวโทษบาปที่ควบคุมฝ่ายเนื้อหนังของเรา ๔ เพื่อจะได้นับว่า เรากระทำตามข้อบังคับอันชอบธรรมของกฎบัญญัติอย่างสมบูรณ์ คือเราไม่ได้ดำเนินชีวิตตามฝ่ายเนื้อหนัง แต่ตามฝ่ายพระวิญญาณ ๕ ด้วยว่าคนที่ใช้ชีวิตตามฝ่ายเนื้อหนังก็ปักใจในสิ่งที่เป็นฝ่ายเนื้อหนัง แต่คนที่ใช้ชีวิตตามฝ่ายพระวิญญาณก็ปักใจในสิ่งที่เป็นฝ่ายพระวิญญาณ ๖ ด้วยว่าการปักใจไปตามฝ่ายเนื้อหนังนั้นเป็นความตาย แต่การปักใจไปตามฝ่ายพระวิญญาณเป็นชีวิตและสันติสุข ๗ เพราะว่าการปักใจไปตามฝ่ายเนื้อหนังเป็นศัตรูต่อพระเจ้า ไม่ยอมเชื่อฟังกฎบัญญัติของพระเจ้า และไม่สามารถปฏิบัติได้ด้วย ๘ คนที่ถูกควบคุมโดยฝ่ายเนื้อหนังไม่อาจเป็นที่พอใจของพระเจ้าได้
๙ อย่างไรก็ตาม ถ้าพระวิญญาณของพระเจ้าดำรงอยู่ในตัวท่านจริงๆ แล้ว ท่านก็ไม่ใช้ชีวิตตามฝ่ายเนื้อหนัง แต่ตามฝ่ายพระวิญญาณ ส่วนผู้ใดที่ไม่มีพระวิญญาณของพระคริสต์ เขาก็ไม่ใช่คนของพระองค์ ๑๐ ถ้าพระคริสต์อยู่ในตัวท่าน และแม้ว่าร่างกายจะตายเพราะบาป แต่วิญญาณก็ยังมีชีวิตอยู่เพราะความชอบธรรม ๑๑ ถ้าพระวิญญาณของพระองค์ผู้ให้พระเยซูฟื้นคืนชีวิตจากความตาย ดำรงอยู่ในตัวท่าน พระองค์ผู้ให้พระคริสต์ฟื้นคืนชีวิตจากความตาย จะให้สังขารอันไม่ยั่งยืนของท่านมีชีวิตขึ้นด้วย โดยพระวิญญาณของพระองค์ที่ดำรงอยู่ในตัวท่าน
๑๒ ดังนั้น พี่น้องเอ๋ย เราเป็นหนี้ซึ่งไม่ใช่หนี้ฝ่ายเนื้อหนัง ที่ต้องดำเนินชีวิตตามฝ่ายเนื้อหนัง ๑๓ ถ้าท่านใช้ชีวิตตามฝ่ายเนื้อหนังท่านจะต้องตาย แต่ถ้าโดยฝ่ายพระวิญญาณ ท่านทำลายการกระทำชั่วฝ่ายกายเสีย ท่านก็จะมีชีวิตอยู่ ๑๔ เพราะทุกคนที่มีพระวิญญาณของพระเจ้านำทาง ก็ได้เป็นบรรดาบุตรของพระเจ้า ๑๕ และท่านไม่ได้รับวิญญาณแห่งทาสซึ่งนำไปสู่ความกลัวได้อีก แต่ท่านได้พระวิญญาณแห่งการได้รับการยกฐานะเป็นบุตร และเราร้องเรียกว่า “อับบา† อับบา เป็นภาษาอาราเมค มีความหมายว่า คุณพ่อ พระบิดา” ได้ก็เพราะพระวิญญาณ ๑๖ พระวิญญาณเองได้เป็นพยานต่อวิญญาณของเราว่า เราเป็นบรรดาบุตรของพระเจ้า ๑๗ ถ้าเราเป็นบรรดาบุตร เราก็เป็นผู้รับมรดก คือเป็นผู้รับมรดกของพระเจ้า และเป็นผู้รับมรดกร่วมกับพระคริสต์ ถ้าเรามีส่วนร่วมในการทนทุกข์ทรมานร่วมกับพระองค์ เราจะได้มีส่วนร่วมกับพระบารมีของพระองค์ด้วย
พระบารมีที่จะปรากฏ
๑๘ ข้าพเจ้าพิจารณาเห็นว่า การทนทุกข์ทรมานในเวลานี้ไม่สมควรจะเปรียบเทียบกับพระบารมีที่จะเผยให้เราเห็น ๑๙ สรรพสิ่งที่พระเจ้าได้สร้างขึ้นกำลังรอคอยอย่างใจจดจ่อให้บรรดาบุตรของพระเจ้าปรากฏ ๒๐ ด้วยว่าสรรพสิ่งที่พระเจ้าสร้างขึ้น ถูกกำหนดให้อยู่ในสภาพที่ไร้ประโยชน์ มิใช่ว่าสิ่งเหล่านั้นต้องการเป็นไปตามสภาพแบบนั้น แต่เพราะพระองค์ตั้งใจให้เป็นไป โดยมีความหวังว่า ๒๑ สรรพสิ่งเหล่านั้นเองจะได้พ้นจากการเน่าเปื่อยผุพัง และได้รับอิสระอันยิ่งใหญ่ของบรรดาบุตรของพระเจ้า ๒๒ เราทราบว่าสรรพสิ่งทั้งปวงที่พระเจ้าสร้างขึ้นได้คร่ำครวญและทนทุกข์ทรมานต่อความเจ็บปวด เหมือนการปวดของหญิงให้กำเนิดทารกเรื่อยมาจนถึงบัดนี้ ๒๓ และไม่เพียงเท่านี้ เราเองซึ่งได้รับพระวิญญาณเป็นผลแรก‡ ผลแรก ชาวฮีบรูถวายผลจากการเก็บเกี่ยวของการกสิกรรมส่วนแรกให้แก่พระเจ้า เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าการเก็บเกี่ยวทั้งหมดเป็นของพระเจ้า ก็ยังคร่ำครวญอยู่ในใจ เฝ้าคอยพระเจ้าเพื่อให้เราได้รับการยกฐานะเป็นบุตร คือให้ร่างกายของเราได้รับการไถ่ ๒๔ ด้วยความหวังนี้ เราได้รับชีวิตรอดพ้น แต่ความหวังที่มองเห็นไม่ใช่ความหวัง ใครจะหวังในสิ่งที่เขาเห็น ๒๕ แต่ถ้าเราหวังในสิ่งที่เราไม่เห็น เราก็จะรอด้วยความอดทน
๒๖ ในวิธีเดียวกันคือ พระวิญญาณช่วยความอ่อนแอของเรา เพราะเราไม่ทราบว่าควรอธิษฐานอย่างไร แต่พระวิญญาณเองอธิษฐานขอให้เราด้วยการคร่ำครวญอันลึกซึ้งเกินกว่าที่จะกล่าวออกมาได้ ๒๗ และพระองค์ผู้รู้เห็นถึงจิตใจทราบว่าพระวิญญาณคิดอย่างไร เพราะพระวิญญาณอธิษฐานขอให้บรรดาผู้บริสุทธิ์ของพระเจ้าตามความประสงค์ของพระเจ้า ๒๘ และเราทราบว่า พระเจ้าช่วยให้ทุกสิ่งเป็นไปด้วยดีแก่บรรดาผู้ที่รักพระเจ้า คือบรรดาผู้ที่พระเจ้าได้เรียกตามความประสงค์ของพระองค์ ๒๙ สำหรับบรรดาผู้ที่พระองค์ได้เลือกไว้แต่แรกแล้ว พระองค์ได้กำหนดพวกเขาไว้ล่วงหน้า ให้เป็นไปตามคุณลักษณะของพระบุตรของพระองค์ด้วย เพื่อพระองค์จะได้เป็นบุตรหัวปีท่ามกลางพี่น้องเป็นอันมาก ๓๐ และคนที่พระองค์กำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว พระองค์ได้เรียกมาด้วย และคนที่พระองค์เรียกมานั้น พระองค์ให้พ้นผิดด้วย และคนที่พระองค์ให้พ้นผิดนั้น พระองค์ให้ได้รับพระบารมีด้วย
ไม่มีสิ่งใดพรากเราไปจากความรักของพระคริสต์
๓๑ ถ้าเช่นนั้นแล้วเราจะว่าอย่างไร ถ้าพระเจ้าเป็นฝ่ายเรา ใครจะเป็นฝ่ายค้านเรา ๓๒ พระองค์เป็นผู้ที่ไม่ได้เว้นชีวิตพระบุตรของพระองค์เอง แต่มอบพระองค์ให้แก่เราทุกคน นอกจากพระบุตรแล้ว พระองค์จะมอบทุกสิ่งให้แก่เราโดยไม่มีข้อผูกพันมิใช่หรือ ๓๓ ใครจะฟ้องร้องผู้ที่พระเจ้าเลือกไว้ได้ พระเจ้าผู้เดียวที่ให้เราพ้นผิดได้ ๓๔ ใครเป็นคนกล่าวโทษเรา ไม่มีผู้ใด พระเยซูคริสต์เป็นผู้ที่ได้เสียชีวิตให้แล้ว ยิ่งกว่านั้นพระเจ้าได้ให้พระองค์ฟื้นคืนชีวิต และพระองค์สถิต ณ เบื้องขวาของพระเจ้า และกำลังอธิษฐานขอให้พวกเรา ๓๕ ใครจะแยกเราออกจากความรักของพระคริสต์ได้ จะเป็นความทุกข์ยากลำบากหรือ ความเจ็บปวดรวดร้าวและการกดขี่ข่มเหงหรือ การอดอยากและขาดเครื่องนุ่งห่มหรือ ภัยอันตรายและการฆ่าฟันให้ตายหรือ ๓๖ ตามที่มีบันทึกไว้ว่า
“พวกเราเผชิญความตายเพื่อพระองค์ทุกวันเวลา
พวกเราถูกนับว่าเป็นเช่นแกะที่จะถูกนำไปเชือด”§ สดุดี 44:22
๓๗ แต่เรามีชัยเหนือสิ่งเหล่านี้โดยสมบูรณ์ก็เพราะพระองค์ผู้รักเรา ๓๘ เพราะข้าพเจ้าเชื่อเป็นอย่างยิ่งแล้วว่า แม้ความตายหรือชีวิต ทูตสวรรค์หรือมาร ปัจจุบันหรืออนาคต อานุภาพใดๆ ก็ตาม ๓๙ เบื้องสูงหรือเบื้องลึก หรือสิ่งอื่นใดในสรรพสิ่งที่พระเจ้าสร้างขึ้น ก็ไม่สามารถแยกเราออกจากความรักของพระเจ้าได้ คือความรักที่พระองค์แสดงให้เห็นในพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
*๘:๓ พระเยซูมีความเป็นเนื้อหนังเหมือนมนุษย์ก็จริง แต่ไม่เคยทำบาป ฉบับ 2 โครินธ์ 5:21
†๘:๑๕ อับบา เป็นภาษาอาราเมค มีความหมายว่า คุณพ่อ
‡๘:๒๓ ผลแรก ชาวฮีบรูถวายผลจากการเก็บเกี่ยวของการกสิกรรมส่วนแรกให้แก่พระเจ้า เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าการเก็บเกี่ยวทั้งหมดเป็นของพระเจ้า