อิสยาห์
๑
๑ ภาพนิมิตซึ่งอิสยาห์บุตรอามอสเห็น เป็นภาพเกี่ยวกับยูดาห์และเยรูซาเล็มในรัชสมัยของบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์คือ อุสซียาห์ โยธาม อาหัส และเฮเซคียาห์* กษัตริย์แห่งยูดาห์ระหว่าง 781-687 ปีก่อน ค.ศ.
ความชั่วร้ายของยูดาห์
๒ โอ ฟ้าสวรรค์ โปรดฟัง โอ แผ่นดินโลก โปรดเงี่ยหู
เพราะพระผู้เป็นเจ้าได้กล่าวดังนี้ว่า
“เราได้เลี้ยงดูลูกๆ จนเติบโตขึ้น
แต่พวกเขากลับขัดขืนเรา
๓ โครู้จักเจ้าของ
และลารู้จักรางหญ้าของนาย
แต่อิสราเอลไม่รู้จัก
ชนชาติของเราไม่เข้าใจ”
๔ วิบัติ ประชาชาติที่ชั่วโฉด
ชนชาติที่สุมความชั่วไว้มาก
เชื้อสายของบรรดาผู้ทำความชั่ว
ลูกๆ ไร้ศีลธรรม
พวกเขาได้ทอดทิ้งพระผู้เป็นเจ้า
พวกเขาได้ดูหมิ่นองค์ผู้บริสุทธิ์ของอิสราเอล
พวกเขาหันหลังให้พระองค์
๕ ทำไมพวกท่านจึงจะถูกเหยียบลงอีก
ทำไมท่านจะขัดขืนต่อไปอีก
หัวทั้งหัวก็บาดเจ็บ
และใจทั้งใจก็เป็นทุกข์
๖ ตั้งแต่ฝ่าเท้าจนถึงศีรษะ
ไม่มีส่วนไหนเป็นปกติ
มีแต่รอยฟกช้ำ เป็นแผล และบาดเจ็บ
ไม่ได้รับการรักษาให้สะอาด
ไม่มีการพันแผล
หรือทาน้ำมันให้บรรเทา
๗ แผ่นดินของท่านถูกทิ้งร้าง
เมืองต่างๆ ถูกไฟเผา
ชนต่างชาติแย่งชิงแผ่นดินของท่านไปต่อหน้าต่อตา
มันกลายเป็นที่รกร้าง
เหมือนถูกล้มล้างโดยชนต่างชาติ
๘ ธิดาแห่งศิโยนถูกทิ้งไว้
เหมือนเพิงในสวนองุ่น
เหมือนกระท่อมในไร่แตงกวา
เหมือนเมืองที่ถูกล้อม
๙ ถ้าหากว่าพระผู้เป็นเจ้าจอมโยธา
ไม่ได้ให้มีผู้รอดชีวิตเหลือไว้เพื่อพวกเรา
พวกเราคงกลายเป็นเหมือนเมืองโสโดม
และเป็นอย่างเมืองโกโมราห์† โรม 9:29; ปฐมกาล 19:24,25
๑๐ บรรดาผู้ปกครองเมืองโสโดมเอ๋ย
จงฟังคำกล่าวของพระผู้เป็นเจ้า
ประชาชนของเมืองโกโมราห์เอ๋ย
จงเงี่ยหูฟังคำสั่งสอนของพระเจ้าของเรา
๑๑ พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้
“ทำไมพวกเจ้าจึงมอบเครื่องสักการะให้แก่เรามากมาย
เรามักได้รับแกะตัวผู้เป็นสัตว์ที่เผาเป็นของถวาย
และไขมันกระทิง
เราไม่ชื่นชอบเลือดโคหนุ่ม
เลือดแกะ หรือเลือดแพะ
๑๒ เมื่อเจ้ามาแสดงตัว ณ เบื้องหน้าเรา
ใครขอให้พวกเจ้ามา
ย่ำเหยียบบริเวณวิหารของเรา
๑๓ อย่านำเครื่องสักการะซึ่งไม่มีความหมายมาถวายอีก
เครื่องหอมเป็นสิ่งน่ารังเกียจสำหรับเรา
รวมทั้งเทศกาลข้างขึ้น วันสะบาโต และการเรียกประชุมในเทศกาลต่างๆ
เราทนต่อการประชุมเทศกาลที่เกี่ยวโยงกับความชั่วร้ายไม่ได้
๑๔ จิตวิญญาณของเราเกลียดชังเทศกาลข้างขึ้นและเทศกาลที่เจ้ากำหนดไว้
มันกลายเป็นภาระต่อเรา
เราเอือมระอาที่จะต้องทนกับมัน
๑๕ เมื่อเจ้ายื่นมือของเจ้าออกมา
เราจะหลบสายตาไปจากเจ้า
แม้ว่าเจ้าจะอธิษฐานมากมาย
เราก็จะไม่ฟัง
มือของเจ้าโชกเลือด
๑๖ พวกเจ้าจงชำระตัว ทำตัวให้สะอาด
จงเอาความชั่วไปให้พ้นสายตาของเรา
จงหยุดทำชั่ว
๑๗ จงเรียนรู้การทำดี
แสวงหาความเป็นธรรม
แก้ไขการบีบบังคับ
รักษาสิทธิของเด็กกำพร้า
ช่วยสู้ความให้กับหญิงม่าย”
๑๘ พระผู้เป็นเจ้ากล่าวดังนี้ว่า “มาเถิด เรามาพูดด้วยเหตุผลกัน
แม้ว่าบาปของพวกเจ้าเป็นเหมือนสีแดงสด
มันจะกลับขาวราวกับหิมะ
แม้ว่ามันแดงดั่งเลือดนก
แต่มันจะเป็นดั่งขนแกะ
๑๙ ถ้าพวกเจ้าเต็มใจและเชื่อฟัง
เจ้าจะได้รับประทานสิ่งดีๆ ของแผ่นดิน
๒๐ แต่ถ้าพวกเจ้าปฏิเสธและขัดขืน
เจ้าก็จะถูกกำจัดด้วยคมดาบ
เพราะคำพูดได้ออกจากปากของพระผู้เป็นเจ้าแล้ว”
เมืองที่ไร้ความภักดี
๒๑ เมืองที่ภักดีกลายเป็น
เมืองแพศยาได้อย่างไร
เธอเคยเปี่ยมด้วยความเป็นธรรม
ความชอบธรรมอยู่ในตัวเธอ
แต่บัดนี้กลับกลายเป็นฆาตกร
๒๒ เงินของพวกท่านกลายเป็นขี้เงิน
น้ำองุ่นดีที่สุดก็มีน้ำปะปนอยู่
๒๓ บรรดาผู้นำของพวกท่านก็เป็นพวกขัดขืน
คบค้ากับโจร
ทุกคนรักสินบน และรับของกำนัล
ไม่รักษาสิทธิของเด็กกำพร้า
และหญิงม่ายไม่ได้รับความช่วยเหลือ
๒๔ ฉะนั้น พระผู้เป็นเจ้าจอมโยธาผู้ยิ่งใหญ่
องค์ผู้กอปรด้วยอานุภาพของอิสราเอลประกาศว่า
“เอาละ พวกศัตรูของเราจะไม่ก่อความยุ่งยากให้กับเราอีก
และเราเองจะลงโทษเหล่าปรปักษ์
๒๕ เราจะหันมากล่าวโทษพวกเจ้า
และจะกำจัดขี้แร่ออกจากเจ้าราวกับใช้น้ำด่าง
และเอาสิ่งเจือปนในตัวเจ้าออกให้หมด
๒๖ และเราจะคืนบรรดาผู้ตัดสินความของเจ้ากลับมาดังเดิม
เราจะคืนที่ปรึกษาของเจ้าเหมือนสมัยแรกเริ่ม
ต่อจากนั้นเจ้าจะถูกเรียกว่า
เมืองที่มีความชอบธรรม
เมืองที่ภักดี”
๒๗ ศิโยนจะได้รับการไถ่อย่างเป็นธรรม
และบรรดาผู้ที่กลับใจในเมืองนั้นจะได้รับการไถ่ด้วยความชอบธรรม
๒๘ แต่พวกที่ขัดขืนและคนบาปจะย่อยยับ
และพวกที่ทอดทิ้งพระผู้เป็นเจ้าจะพินาศ
๒๙ “เจ้าซึ่งเป็นเมืองที่จะอับอายเรื่องต้นโอ๊ก
ซึ่งเจ้าเคยชื่นชอบ
และเจ้าจะอดสูเรื่องสวน
ซึ่งเจ้าได้เลือก
๓๐ เพราะเจ้าจะเป็นอย่างต้นโอ๊ก
ที่ใบเหี่ยวเฉา
และเป็นอย่างสวนไร้น้ำ
๓๑ และคนแข็งแรงจะกลายเป็นเชื้อไฟ
และผลงานของเขาจะกลายเป็นประกายไฟ
ทั้งสองจะมอดไหม้ไปด้วยกัน
โดยไม่มีใครดับได้”