๒๐
เมืองลี้ภัย
๑ พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกับโยชูวาว่า ๒ “จงพูดกับชาวอิสราเอลว่า ‘จงกำหนดเมืองลี้ภัยขึ้น ตามที่เราได้สั่งเจ้าโดยผ่านทางโมเสสว่า* กันดารวิถี 35:9-29; เฉลยธรรมบัญญัติ 4:41-43; 19:1-13 ๓ ฆาตกรใดที่ฆ่าคนโดยไม่มีเจตนาหรือโดยบังเอิญจะได้หลบหนีไปที่นั่นได้ เมืองเหล่านั้นจะเป็นที่สำหรับลี้ภัยจากผู้ตามล่า ๔ เขาจะหลบหนีไปยังเมืองลี้ภัยแห่งใดแห่งหนึ่ง และยืนที่ทางเข้าประตูเมือง และอธิบายกรณีของเขาแก่บรรดาหัวหน้าชั้นผู้ใหญ่ของเมืองนั้น แล้วเขาเหล่านั้นจะพาเขาเข้าไปในเมืองเพื่อให้ที่อยู่แก่เขา และเขาจะอยู่ที่นั่น ๕ และถ้าผู้ตามล่าติดตามไปฆ่าเขา พวกเขาก็จะไม่มอบตัวฆาตกรให้ เพราะว่าเขาฆ่าเพื่อนบ้านของเขาโดยบังเอิญและไม่เคยเกลียดชังเขามาก่อน ๖ และเขาจะอยู่ที่เมืองนั้นจนกว่าจะยืนต่อหน้ามวลชนเพื่อการพิพากษาก่อน และจนกว่าหัวหน้ามหาปุโรหิตในเวลานั้นเสียชีวิตแล้ว และฆาตกรจึงจะกลับไปบ้านเมืองของตนได้ ไปยังเมืองที่เขาจากมา’ ”
๗ ดังนั้น ชาวอิสราเอลจึงเลือกเมืองเคเดชในกาลิลีซึ่งอยู่ในแถบภูเขาของนัฟทาลี และเมืองเชเคมซึ่งอยู่ในแถบภูเขาของเอฟราอิม และเมืองคีริยาทอาร์บา (คือเมืองเฮโบรน) ในแถบภูเขาของยูดาห์ ๘ และที่โพ้นแม่น้ำจอร์แดนทางด้านตะวันออกของเมืองเยรีโค พวกเขาเลือกเมืองเบเซอร์ในถิ่นทุรกันดารบนที่ราบสูง จากเผ่ารูเบน และเมืองราโมทในกิเลอาด จากเผ่ากาด และเมืองโกลานในบาชาน จากเผ่ามนัสเสห์ ๙ เมืองดังกล่าวถูกแบ่งให้แก่ชาวอิสราเอลทั้งปวงและแก่คนต่างด้าวที่มาอาศัยอยู่ในหมู่พวกเขา ถ้าผู้ใดฆ่าคนโดยไม่มีเจตนาก็สามารถหลบหนีไปที่นั่นได้ เพื่อเขาไม่ต้องตายด้วยมือของผู้ตามล่า หลังจากนั้นเขาจึงจะยืนสู้คดีต่อหน้ามวลชน